Skip to main content

PMS – Rate Setup and Period User Guide

คลิกเพื่อดาวน์โหลดไฟล์ PDF

1. บทนำ (Overview)

โมดูล Rate Setup and Period ในระบบ PMS ช่วยให้พนักงานสามารถกำหนดอัตราค่าห้องแบบไดนามิก สร้างช่วงเวลาของอัตรา และกำหนดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น Afternoon Tea ได้ ฟังก์ชันนี้ช่วยสนับสนุนกลยุทธ์ด้านราคาแบบซับซ้อนตามฤดูกาล วัน และการกำหนดค่าของผู้เข้าพัก

2. สร้างการตั้งค่าช่วงเวลา (Create Period Setup)

เมนูนี้สามารถเข้าผ่าน PMS Manager > Dynamic Rate & Package > Room Rate Setup ใช้สำหรับสร้างช่วงเวลาอัตราใหม่ โดยการกำหนดประเภทห้อง อัตราที่ใช้ และเงื่อนไขสำหรับราคาที่ไม่ตายตัว

ขั้นตอนการทำงาน (To perform the task):

  1. เลือกเมนู PMS Manager
  2. เลือกเมนู Dynamic Rate & Package
  3. เลือกแท็บ Room Rate Setup
  4. กรอกรายละเอียดที่จำเป็นทั้งหมด
  5. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่ได้เลือก Fix Rate
  6. กด + เพื่อสร้างช่วงเวลาใหม่ หรือกด - เพื่อลบช่วงเวลาที่มีอยู่
  7. กด + เพื่อเพิ่มประเภทห้อง
  8. เลือกประเภทห้องแล้วกด Select
  9. กำหนดประเภทอัตราที่ต้องการ (Base, Adult, Extra, Weekend, Holiday ฯลฯ) 10.กด Delete เพื่อลบประเภทห้องหากต้องการ 11.กด Save เพื่อยืนยัน หรือ Cancel เพื่อยกเลิกการเปลี่ยนแปลง

Pic1

หมายเหตุ: ประเภทที่กำหนดไว้ตรงนี้จะถูกใช้เพื่อกำหนดการจำแนกและระยะเวลาแจ้งเตือนสำหรับแต่ละหมวดหมู่

3. สร้างค่าใช้จ่าย Afternoon Tea (Create Afternoon Tea Rate)

เมนูนี้สามารถเข้าผ่าน PMS Manager > Dynamic Rate & Package > Room Rate Setup ใช้สำหรับเพิ่มค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น Afternoon Tea เข้าไปในอัตราห้อง โดยสามารถกำหนดค่าใช้จ่ายต่อห้อง ต่อผู้เข้าพัก หรือจากโหมดการคำนวณอื่น ๆ

ขั้นตอนการทำงาน (To perform the task):

  1. เลือกเมนู PMS Manager
  2. เลือกเมนู Dynamic Rate & Package
  3. เลือกแท็บ Room Rate Setup
  4. กรอกรายละเอียดที่จำเป็นทั้งหมด
  5. เลือกว่าจะรวมค่าใช้จ่ายอื่นหรือไม่
  6. กดที่ไอคอนเพื่อเลือก Transaction Code
  7. เลือกรายการธุรกรรมที่ต้องการแล้วกด Select
  8. กรอกจำนวนค่าใช้จ่าย
  9. เลือกโหมดการคำนวณ (Per Room, Per Guest ฯลฯ)
  10. กดไอคอน Delete เพื่อลบรายการธุรกรรมหากต้องการ
  11. กด Save เพื่อยืนยัน หรือ Cancel เพื่อยกเลิกการเปลี่ยนแปลง

Pic2

หมายเหตุ: ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ารหัสธุรกรรม (Transaction Code) ที่เลือกตรงกับประเภทค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดในการเรียกเก็บเงิน